ประวัติตุ๊กตาบลายธ์
ตุ๊กตา บลายธ์
ถือกำเนิดในปี 2515 (ค.ศ. 1972) ผลิตโดยบริษัท เค็นเนอร์ (Kenner) ในสหรัฐอเมริกา โชคร้ายสำหรับเค็นเนอร์
ที่ตุ๊กตาขายไม่ดี เลยผลิตจำหน่ายแค่เพียงปีเดียวก็ยุติการผลิต
แต่เป็นโชคดีของผู้มีตุ๊กตาบลายธ์ที่ผลิตในปีนั้นไว้ในครอบครอง เพราะปัจจุบัน
นักสะสมตุ๊กตาระดับมืออาชีพ ต่างควานหาตุ๊กตารุ่นนี้กันให้ควั่ก แถมให้ราคาดี
ซึ่งจะ”ดีมาก” หรือ “ดีมากๆ” ขึ้นอยู่กับสภาพของตุ๊กตา
กล่าวกันว่าราคาซื้อขายทั่วไปจะอยู่ที่ตัวละ 1,000 กว่าดอลลาร์ขึ้นไป
ส่วนตุ๊กตาบลายธ์ที่ผลิตใหม่ตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา ที่เรียกว่า นีโอ บลายธ์ (Neo Blythe) เวลาจะขายทอดตลาดก็มักได้ราคาไม่ต่ำไปกว่าราคาที่ซื้อมา
เรียกว่ามีไว้ไม่ขาดทุน ยิ่งถ้าเป็นรุ่นที่ผลิตออกมาในจำนวนจำกัด (limited edition) ก็ยิ่งได้ราคาดีเป็นพิเศษ
อย่างที่บอกไว้แต่แรกว่าบลายธ์เป็นสินค้าที่ล้ำยุคไปหน่อย
เลยไม่เวิร์คในปีเปิดตัว ที่ว่าล้ำยุคเพราะเธอมีหัวโต ตัวผอม ความสูง 11.5 นิ้ว
เวลากอดก็ไม่ค่อยจะอบอุ่น เรียกว่าเธอเป็นตุ๊กตาที่ไม่โดนใจเด็กผู้หญิงในยุค 30
กว่าปีที่แล้ว แต่ส่วนดีของบลายธ์ คือ ดวงตากลมโตเท่าไข่ห่านที่หลับได้ เปิดได้
แล้วเวลาเธอเปิดเปลือกตาแต่ละครั้ง ลูกตาของเธอจะเปลี่ยนสีได้ถึง 4 สี คือ ฟ้า ส้ม
ชมพู เขียว แถมตาดำยังเปลี่ยนตำแหน่งได้
ทำให้เธอดูเหมือนตุ๊กตาที่สามารถเหลือบตามองใคร
หลังจากที่บริษัท
ฮาสโบร ผู้ผลิตของเล่นรายใหญ่ของสหรัฐ ซื้อกิจการของบริษัท เค็นเนอร์
ผู้ให้กำเนิดตุ๊กตาบลายธ์ ( ซึ่งตอนนั้นเค็นเนอร์ถูกซื้อกิจการโดยบริษัท ท็องก้า
ทอยส์ มาก่อนแล้ว จากนั้นท็องก้า ทอยส์ จึงถูกฮาสโบรซื้ออีกทอด)
ฮาสโบรก็ได้สิทธิ์ในการผลิตตุ๊กตาแฟชั่นตาโตตัวนี้มาด้วย
บริษัทให้สิทธิ์ในการผลิตตุ๊กตาบลายธ์แก่ผู้ผลิตรับช่วงรายอื่นด้วย ได้แก่ บริษัท
ทาคาระ (Takara) ได้รับสิทธิ์ในการผลิตปี 2544 เป็นต้นมา
และบริษัท แอชตั้น เดรค (Ashton Drake) ปี 2547
ส่วนบริษัทที่รับหน้าที่บริหาร
จัดการลิขสิทธิ์การผลิตสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับตุ๊กตา บลายธ์
รวมทั้งสิทธิ์ในการนำตุ๊กตาตัวนี้ไปใช้ในงานโฆษณา และการผลิตจำหน่ายในเอเชีย คือ
บริษัท ซีดับเบิ้ลยูซี (CWC) ซึ่งตั้งอยู่ที่ญี่ปุ่น
บริษัทนี้ยังดูแลการจัดนิทรรศการ และการแสดงแฟชั่นโชว์การกุศลประจำปี !
ของตุ๊กตาบลายธ์ด้วย สาวก…อุ๊บส์..แฟนๆพันธุ์แท้ของแม่หนูตาโต
“บลายธ์” (ซึ่งแต่ละรุ่นมีชื่อเรียกน่ารักๆ
เช่น โรซี่ เร้ด ฮอลลี่ วู้ด ซันเดย์ เบสต์ ฯลฯ)
เขาจับกลุ่มกันเป็นชุมชนทั้งบนดินและบนเว็บไซต์ จัดทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น
ประกวดภาพถ่ายตุ๊กตาบลายธ์ หรือประกวดชุดเสื้อผ้าตุ๊กตา
นอกจากนี้ยังมีการโพสต์ภาพตุ๊กตาของตัวเองขึ้นบนเน็ต
ทั้งเพื่อโชว์และแลกเปลี่ยนซื้อขายกันเอง
คุณๆที่สนใจสามารถเข้าไปเยี่ยมเยือนพวกเขาได้ที่เว็บไซต์ www.blythedoll.com นอกจากนี้ยังมีอีกสองเว็บที่น่าสนใจ คือ www.thisisbythe.com และ www.theblythestore.com ดีไซเนอร์ที่ร่วมทีมออกแบบตุ๊กตาบลายธ์เมื่อปี 2515 มี 3
คนสังกัดบริษัท มาร์วิน กลาส สตูดิโอ ซึ่งโด่งดังมากในเรื่องการออกแบบของเด็กเล่น
รูเบ็น เทอร์เซียน เป็นผู้ออกแบบลูกตา ซึ่งตอนแรกเขาตั้งใจจะใช้กับตุ๊กตาสุนัข
ส่วนลำตัวของตุ๊กตา แรกๆทีมงานก็ออกแบบให้ยาวได้ส่วนกับหัวที่มีขนาดใหญ่ของตุ๊กตา
แต่ปรากฏว่ากล่องใส่มีขนาดสั้น จึงต้องลดส่วนความยาวลำตัวให้บรรจุได้พอดี
ตุ๊กตาบลายธ์จึงหัวโตตัวสั้น ดูเหมือนการ์ตูน ตุ๊กตาบลายธ์สามารถบิดเอวและเข่าได้
เพื่อให้เปลี่ยนชุดได้ง่ายและสามารถโพสต์ท่าเหมือนนางแบบ
และเธอก็ได้เป็นนางแบบจริงๆ เมื่อ จิน่า กาแรน (Gina
Garan) ผู้ผลิตรายการทีวีและช่างภาพสาว ได้
จัดพิมพ์หนังสือรวมภาพถ่ายแฟชั่นตุ๊กตาบลายธ์ออกจำหน่าย เล่มแรกชื่อหนังสือ This is Blythe (พิมพ์ครั้งแรกปีค.ศ. 2000)
เป็นภาพชุดตุ๊กตาบลายธ์ในสถานที่ต่างๆ และเล่มล่าสุด Blythe Style เป็นสมุดภาพรวมฮิตตุ๊กตาบลายธ์ในชุดหรูที่ออกแบบโดยดีไซเนอร์ห้องเสื้อดังระดับโลกอย่างปราดา
กุชชี่ เวอร์ซาเช่ และวิเวียน เวสต์วูด
นอกจากนี้ยังมีโปสการ์ดและโปสเตอร์ภาพตุ๊กตาบลายธ์ออกมาจำหน่ายอีกด้วย
ในปี 2543 บลายธ์ปรากฏตัวในโฆษณาทางทีวีความยาว 15 วินาทีเป็นครั้งแรก
โดยเธอเป็นพรีเซ็นเตอร์ในแคมเปญช่วงเทศกาลคริสต์มาสให้กับปาร์โก้ (Parco) ซึ่งเป็นเชนห้างสรรพสินค้าชั้นแนวหน้าของญี่ปุ่น
โฆษณาชุดนี้เป็นที่ชื่นชอบอย่างมาก
และทำให้บลายธ์กลายเป็นขวัญใจของสาวๆญี่ปุ่นนับจากนั้นเป็นต้นมา วันแรกที่บริษัท
ทาคาระ ผลิตตุ๊กตาบลายธ์รุ่น “ปาร์โก
ลิมิเต็ด เอดิชั่น” จำนวน 1,000
ตัว ออกจำหน่าย ปรากฏว่าสินค้าขายเกลี้ยงในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง!! เดือนมิ.ย. 2544
– ก.ค. 2547 มีการผลิตตุ๊กตานีโอ บลายธ์ ออกมาแล้ว 37 แบบ และพีทิต
บลายธ์ (ขนาดจิ๋ว) 48 แบบ
แหล่งอ้างอิง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น